简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ราคา Bitcoin พุ่งแตะ 43,000 ดอลลาร์ หลัง Fed เผยยังต้องการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ภายหลังจากที่เมื่อวานนี้เราได้เห็นการออกมาเผยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed เกี่ยวกับการตัดสินใจในการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบันไปเรื่อย ๆ แล้วนั้น ล่าสุดราคา Bitcoin ได้มีสัญญาณด้านบวกตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา กราฟ BTCUSD เผยให้เห็นว่าราคา Bitcoin นั้นได้มีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยได้พุ่งแตะ 43,000 ดอลลาร์เมื่อเวลาประมาณตี 3 ก่อนที่จะค่อย ๆ ย่อลงมาอยู่ที่ 42,643 ดอลลาร์
ในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ การเพิ่มขึ้นของราคาดังกล่าวนั้นดูเหมือนว่าจะมีขึ้นหลังจากการแถลงการณ์ของนาย Jerome Powell หรือประธานของ Fed ที่เผยว่าพวกเรานั้นจะยังคงอยู่ในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยต่ำไปอีกนาน ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงสถานการณ์เงินเฟ้อนี้ นอกเหนือจาก Bitcoin แล้ว ดูเหมือนว่าตลาดอื่น ๆ อย่างเช่นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีลักษะเป็นบวก โดย S&P 500 นั้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.78 จุด หรือราว ๆ 0.92% ซึ่งบ่งบอกว่าผู้คนเริ่มที่จะมีหวังกับการเก็งกำไรมากขึ้น แม้ว่าก่อนหน้านี้นาย Powell เคยออกมาแย้มว่าจะมีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปี 2022 นี้ แต่เขาก็ไม่ได้เผยว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร ซึ่งนักเทรดนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความนี้เปรียบเทียบบิทคอยน์และทองคำในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในด้านจำนวนจำกัด ความสามารถในการเก็บมูลค่า ความปลอดภัย และความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย ทั้งสองสินทรัพย์มีบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงและตอบโจทย์นักลงทุนในลักษณะที่ต่างกัน — บิทคอยน์เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและสนใจเทคโนโลยีใหม่ ส่วนทองคำเหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคงระยะยาว บทสรุปเสนอแนวทาง “กระจายการลงทุน” ถือทั้งสองสินทรัพย์ตามสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความปลอดภัยในพอร์ตลงทุน
บทความนี้เปิดโปงปรากฏการณ์ “Pump and Dump” ในโลกคริปโต ที่อินฟลูเอนเซอร์ใช้ชื่อเสียงปลุกกระแสเหรียญเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยมักได้รับค่าตอบแทนหรือถือเหรียญไว้ล่วงหน้า ก่อนราคาจะถูกปั่นขึ้นจากความเชื่อของผู้ติดตาม แล้วถูกเทขายจนเหรียญราคาร่วง กรณีศึกษา “SaveTheKids” ชี้ให้เห็นว่าแม้อินฟลูเอนเซอร์จะมีชื่อเสียง แต่ไม่ได้หมายความว่ามีจรรยาบรรณ นักลงทุนจึงต้องใช้วิจารณญาณและตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน
“Bitcoin Pizza Day” เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของคริปโตเคอร์เรนซี่ โดยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2010 เมื่อโปรแกรมเมอร์ชาวฟลอริดาชื่อ Laszlo Hanyecz ใช้ Bitcoin จำนวน 10,000 เหรียญซื้อพิซซ่า 2 ถาด ถือเป็นครั้งแรกที่ Bitcoin ถูกใช้ในการซื้อสินค้าจริงในชีวิตประจำวัน แม้เหรียญเหล่านั้นจะมีมูลค่าเพียง 1,300 บาทในตอนนั้น แต่หากเก็บไว้จนถึงปัจจุบัน มูลค่าจะทะลุ 33,000 ล้านบาท เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยน Bitcoin จากแนวคิดในกลุ่มเล็ก ๆ ให้กลายเป็นสินทรัพย์ระดับโลกที่มีอิทธิพลทางการเงินอย่างมหาศาล.
บทความนี้พาย้อนรอยคดีแชร์ลูกโซ่ในโลกคริปโต ตั้งแต่ BitConnect, OneCoin, PlusToken ไปจนถึงโปรเจกต์ไทยอย่าง HashBX และฟีเวอร์ ICO ในปี 2017–2018 สะท้อนให้เห็นรูปแบบหลอกลวงที่เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหน้าตา แต่ยังคงใช้กลยุทธ์เดิมคือ “สัญญาผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น” โดยแฝงเทคโนโลยีทันสมัยมาเพิ่มความน่าเชื่อถือ บทเรียนสำคัญคือ นักลงทุนต้องระวังกับคำพูดที่ดูดีเกินจริง และควรตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยได้ในระยะยาว.