简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เทรดเดอร์หนุ่มเล่าว่า เขาเสียเงิน 557 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 1.4 หมื่นล้านบาท จาก bitcoin หลังจากที่แม่ทิ้งแล็ปท็อปของเขาเมื่อ 11 ปีที่แล้ว
เทรดเดอร์หนุ่มเล่าว่า เขาเสียเงิน 557 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 1.4 หมื่นล้านบาท จาก bitcoin หลังจากที่แม่ทิ้งแล็ปท็อปของเขาเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ชายคนนี้บอกว่าเขากำลังนั่งอยู่บนเหมืองทองคำ จากนั้นแม่ของเขาก็ทำผิดพลาดครั้งใหญ่
เจ้าของเรื่องนิรนาม โพสต์เรื่องนี้ในเว็บ reddit ซึ่งเป็นเหมือน Pantip ของบ้านเรา เขาอ้างว่าเขาซื้อ 10,000 Bitcoin ในช่วงต้นปี 2010 จ่ายเงินประมาณ 50 ปอนด์ แล้วเพื่อนร่วมห้องในมหาวิทยาลัยก็แนะนำให้เก็บกุญแจไว้ในแล็ปท็อปหลังโอนจาก USB
เมื่อเขาเรียนจบและเริ่มใช้ชีวิตต่อไปเรื่อย ๆ เขาก็ลืมเรื่องเหรียญไปเลย แต่แล้วในปี 2014 เมื่อคริปโตมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็นึกเรื่องนี้ขึ้นได้ คิดว่าเขาอาจจะนั่งอยู่บนโชคลาภก้อนโตเมื่อมูลค่าของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้น จากนั้นเมื่อเขากลับบ้านเพื่อพยายามค้นหาแล็ปท็อปเครื่องเก่าซึ่งเสียไปหลายปีแล้ว
เขาพบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวถูกแม่โยนทิ้งไป 10,000 Bitcoin ของเขาตอนนี้จะมีมูลค่า 557 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เขาเขียนเรื่องนี้ในปี 2019 ว่า“ฉันจะเป็นลม ฉันโกรธ สับสน ตกใจ เศร้า โมโห และอารมณ์อื่น ๆ อีกมากมาย”
ผู้โพสต์ได้ปิดการใช้งานบัญชี Reddit ของเขาตั้งแต่นั้นมา อ้างว่าโชคร้ายที่น่าสยดสยองทำให้เขาต้องทนทุกข์กับ “อาการทางจิต” และทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้า “ทุกวัน” เขาอ้างว่าเขาเริ่มไม่พอใจแม่ของเขาในขณะที่เขาตำหนิเธอที่ทิ้งแล็ปท็อปซึ่งนั่งอยู่ใน “ถังขยะที่ไม่มีใครแตะต้อง” มานานหลายปี และแม้ว่าเขาจะพยายามทำให้ชีวิตของเขากลับมาเป็นปกติ แต่มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของ Bitcoin ทำให้เขาซึมเศร้ามากขึ้น
“ฉันยังยากจน ฉันยังคงอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ฉันมีงานทำ แต่ที่งาน ฉันเกลียดและมีเพื่อนแต่เราไม่พูดมาก และชีวิตก็ไม่เหมือนเดิม เคยเป็น”
ทางด้าน Redditors ตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องของเขาเป็นความจริงหรือไม่ แต่ผู้ใช้ที่ไม่ระบุตัวตนคนนั้น ก็ยืนยันว่าจริง แล้วคุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่า ลองคอมเมนท์บอก WikiBit หน่อยซิ!
กลับมาเกาะติดข่าวสารคริปโตได้ทุกวันที่ WikiBit แอปนำเสนอข่าวสารวงการคริปโต พร้อมให้บริการตรวจสอบ Exchange ทั่วโลก รวบรวมข้อมูล Shitcoin และโครงการเถื่อน เพียงแค่กดค้นหา ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะขึ้นมาแบบจัดเต็ม ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ฟรี!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
Meme Coins คือเหรียญดิจิทัลที่เริ่มจากเรื่องตลกในอินเทอร์เน็ต แต่กลับสร้างความเปลี่ยนแปลงเขย่าวงการการเงินโลกได้จริง ด้วยพลังของกระแส โซเชียลมีเดีย และความหวังของนักเก็งกำไรรายย่อย แม้บางคนจะกลายเป็นเศรษฐี แต่ก็มีอีกมากที่ขาดทุนยับแบบไม่ทันตั้งตัว เหรียญมีมจึงเป็นทั้งโอกาสและกับดัก ที่นักลงทุนต้องรู้ทันก่อนจะโดดเข้าไปในเกมสุดผันผวนนี้ อยากให้แปลงเนื้อหานี้เป็นโพสต์แบบให้ความรู้แบบกระชับ หรือแนววิดีโอสคริปต์สำหรับคอนเทนต์ TikTok/YouTube Shorts ดี?
Kiyosaki กลับมาอีกครั้งพร้อมคำเตือนแรง! เขาเผยสัญญาณเศรษฐกิจโลกอาจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ — พร้อมย้ำว่า “นี่อาจไม่ใช่แค่ความกลัวเกินเหตุ” เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชี้ชัดถึงความเปราะบางที่น่ากังวล แล้วเราควรกลัวหรือควรเตรียมฉลอง? มาร่วมเจาะลึกเหตุผล 3 ข้อที่ทำให้ Kiyosaki เชื่อว่า “พายุลูกใหญ่” กำลังมา อ่านต่อได้ในบทความนี้เลย!
ไนซ์ CNX เปิดใจ สูญเงิน 5 ล้านจากคริปโต เพราะ "โลภ" และ "ไม่ยอมตัดขาดทุน" เขาเคยหลงระเริงกับความสำเร็จรวดเร็ว จนพังหมดตัวในพริบตา วันนี้ไนซ์เตือนคนรุ่นใหม่ "อย่ารีบรวย" และ "อย่าโกงตัวเองด้วยความโลภ" การลงทุนต้องมีสติ ศึกษาลึก และรับผิดชอบการตัดสินใจด้วยตัวเอง
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยกเลิกข้อกำหนดให้ธนาคารต้องแจ้งล่วงหน้าเมื่อต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับคริปโต สะท้อนท่าทีที่ “เปิดกว้าง” มากขึ้นต่อสินทรัพย์ดิจิทัล แม้ยังมีกฎเข้มจากปี 2023 ที่ใช้ควบคุมอยู่เบื้องหลัง นักวิเคราะห์มองว่านี่อาจเป็นสัญญาณของการปรับตัวเพื่อรองรับโลกการเงินยุคใหม่ แต่ก็ยังไม่ใช่ “ไฟเขียวเต็มรูปแบบ” แก่วงการคริปโต.