简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ล่าสุดมีความคืบหน้าสำคัญเกี่ยวกับผู้ต้องหาสองรายคือ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ "บอสแซม" และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ "บอสมิน" ซึ่งอัยการคดีพิเศษมีคำสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานที่มีไม่เพียงพอจะชี้ให้เห็นว่าทั้งสองมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดที่ถูกกล่าวหา การปล่อยตัวของทั้งสองสร้างความสนใจในวงกว้าง
ในกรณีคดีของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ที่ถูกกล่าวหาว่าดำเนินธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ล่าสุดมีความคืบหน้าสำคัญเกี่ยวกับผู้ต้องหาสองรายคือ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ “บอสแซม” และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ “บอสมิน” ซึ่งอัยการคดีพิเศษมีคำสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานที่มีไม่เพียงพอจะชี้ให้เห็นว่าทั้งสองมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดที่ถูกกล่าวหา การปล่อยตัวของทั้งสองสร้างความสนใจในวงกว้าง เนื่องจากทั้งคู่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและถูกจับตามองตั้งแต่เริ่มคดี
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งต่อคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการหรือไม่ หากดีเอสไอมีความเห็นแย้ง เรื่องจะถูกส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดต่อไป
ในขณะเดียวกัน สำหรับผู้ต้องหารายอื่น ๆ รวมถึงผู้บริหารหลักอย่างนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” และนายกันต์ กันตถาวร หรือ “บอสกันต์” อัยการได้สั่งฟ้องในข้อกล่าวหาหนัก เช่น การฉ้อโกงประชาชน การกระทำผิดตามกฎหมายขายตรง และการกระทำผิดเกี่ยวกับข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยศาลได้กำหนดนัดสอบคำให้การในวันที่ 9 มกราคมนี้
คดีนี้เริ่มต้นจากการที่ตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้ตรวจสอบพบว่าบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด มีพฤติกรรมหลอกลวงประชาชนให้ลงทุนในลักษณะเครือข่าย โดยใช้ชื่อเสียงของดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นเครื่องมือในการสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมากและมูลค่าความเสียหายสูงถึง 649 ล้านบาท การสืบสวนและรวบรวมหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา 18 ราย และการโอนคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ดำเนินการ
ในส่วนของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้สั่งเพิกถอนทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง เนื่องจากพฤติกรรมที่ละเมิดกฎหมายว่าด้วยการขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 โดยมีการเน้นการชักชวนสมาชิกใหม่เพื่อรับผลตอบแทน มากกว่าการขายสินค้าอย่างแท้จริง
การปล่อยตัวของ “บอสมิน” และ “บอสแซม” รวมถึงการดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายอื่น ๆ เป็นตัวอย่างของความซับซ้อนในคดีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเครือข่ายหรือแชร์ลูกโซ่ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือและความละเอียดรอบคอบจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้บริโภคในการพิจารณาความน่าเชื่อถือของธุรกิจที่มักให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความกล่าวถึงคดีแชร์แม่มณี ซึ่งใช้โซเชียลมีเดียสร้างภาพความร่ำรวยเพื่อชักชวนให้คนร่วมลงทุนในระบบแชร์ลูกโซ่ จนมีผู้เสียหายกว่า 4,000 ราย สูญเงินรวมกว่า 1,400 ล้านบาท ชี้ให้เห็นอันตรายของการลงทุนที่ไร้การตรวจสอบ และเตือนให้มีสติเมื่อเจอข้อเสนอที่ “ดีเกินจริง”
บทความนี้เปิดโปงปรากฏการณ์ “Pump and Dump” ในโลกคริปโต ที่อินฟลูเอนเซอร์ใช้ชื่อเสียงปลุกกระแสเหรียญเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยมักได้รับค่าตอบแทนหรือถือเหรียญไว้ล่วงหน้า ก่อนราคาจะถูกปั่นขึ้นจากความเชื่อของผู้ติดตาม แล้วถูกเทขายจนเหรียญราคาร่วง กรณีศึกษา “SaveTheKids” ชี้ให้เห็นว่าแม้อินฟลูเอนเซอร์จะมีชื่อเสียง แต่ไม่ได้หมายความว่ามีจรรยาบรรณ นักลงทุนจึงต้องใช้วิจารณญาณและตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน
TriumphFX อ้างเป็นโบรกเกอร์มืออาชีพในตลาด Forex แต่กลับหลอกลวงนักลงทุนจนสูญเงินกว่า 180 ล้านบาท ทั้งที่เคยถูกเตือนจากหลายประเทศมาแล้ว ปัจจุบันกำลังถูกสอบสวนหลายคดี พร้อมโทษหนักถึงขั้นจำคุก-เฆี่ยนตี เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า “อย่าหลงเชื่อผลตอบแทนสูงเกินจริง” โดยเฉพาะจากแพลตฟอร์มที่ไร้การกำกับ
ในปี 1869 เกิดเหตุการณ์ “Black Friday” ในสหรัฐฯ เมื่อ Jay Gould และ James Fisk สองนักเก็งกำไรชื่อดัง ใช้เส้นสายในรัฐบาลและข้อมูลวงใน ปั่นราคาทองคำขึ้นสูงลิ่ว เพื่อโกยกำไร จากนั้นจดหมายลับที่เปิดเผยแผนการถูกส่งถึงประธานาธิบดี Grant ทำให้รัฐบาลขายทองออกมาทันที ราคาทองร่วงหนัก นักลงทุนล้มละลาย ตลาดพังหนัก เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่าอำนาจ ความสัมพันธ์ และข้อมูลวงใน สามารถเขย่าตลาดได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม