简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ทฤษฎี "Greater Fool" หรือ “ทฤษฎีคนโง่ที่ใหญ่กว่า” อธิบายพฤติกรรมการลงทุนที่มุ่งหวังเพียงการขายต่อให้ผู้ที่ยอมจ่ายแพงกว่า โดยไม่สนใจมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ ซึ่งแม้จะดูเหมือนทำกำไรได้ในระยะสั้น แต่สุดท้ายอาจทำให้นักลงทุนกลายเป็น "คนโง่คนสุดท้าย" ที่ต้องรับภาระขาดทุน ทฤษฎีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการลงทุนตามกระแส และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของสติ การวิเคราะห์ และการรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองในการลงทุนอย่างยั่งยืน.
แอดจะพามารู้จักกับหนึ่งในทฤษฎีที่ฟังดูตลกแต่เจ็บจริง นั่นก็คือ “ทฤษฎีคนโง่ที่ใหญ่กว่า” (Greater Fool Theory) ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับพฤติกรรมการลงทุนที่หวังพึ่งโชคและกระแส มากกว่าการวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริง และถ้าคุณไม่อยากเป็น “คนโง่คนสุดท้าย” ที่ต้องติดดอยหาทางลงไม่ได้ล่ะก็... มาฟังให้ดี!
Greater Fool Theory คืออะไร?
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังอยู่ในตลาดคริปโต เหรียญหนึ่งกำลังเป็นกระแส ราคาพุ่งขึ้นทุกวัน คนแห่กันซื้อตามแบบไม่สนใจพื้นฐานของเหรียญนั้นเลย เพราะทุกคนเชื่อว่าจะมีคนที่ยอมซื้อต่อในราคาที่สูงกว่าเสมอ แต่ปัญหาคือ... แล้วถ้าถึงจุดที่ไม่มีคนอยากซื้อต่ออีกล่ะ?
ทฤษฎี Greater Fool บอกว่าตราบใดที่ยังมีคน “โง่กว่า” เข้ามาซื้อต่อไปเรื่อย ๆ ราคาก็จะยังขึ้นได้ แต่สุดท้ายแล้ว มันคือเกมเก้าอี้ดนตรีที่ใครช้า ใครประมาท คนนั้นก็ต้องเป็นคนที่แบกรับความเสียหายหนักสุด!
ตัวอย่าง Greater Fool ที่เคยเกิดขึ้นจริง
นี่คือตำนานแห่งการเก็งกำไรสุดโต่งของศตวรรษที่ 17 ที่เนเธอร์แลนด์ ดอกทิวลิปถูกซื้อขายกันในราคาที่สูงลิ่วเพราะทุกคนเชื่อว่ามันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่งที่ไม่มีใครยอมซื้อต่อ ราคาเลยดิ่งลงจนเศรษฐกิจเสียหายหนัก ใครที่ซื้อมาตอนราคาสูงสุดก็กลายเป็น Greater Fool ไปโดยปริยาย
เราคงเคยเห็นกันมาแล้วกับเหรียญมีมที่ราคาพุ่งขึ้นเพราะกระแสโซเชียลมีเดีย แต่พอความสนใจหายไป นักลงทุนที่เข้าซื้อช้าเกินไปก็จะติดดอย และถูกทิ้งให้นั่งรอคอย “คนโง่ที่ใหญ่กว่า” ที่อาจไม่มีวันมาเลย...
ทำไม “Greater Fool” ถึงมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย?
จะหลีกเลี่ยงการเป็น “Greater Fool” ได้อย่างไร?
สรุป ไม่อยากเป็น Greater Fool ต้องลงทุนอย่างมีสติ! ☺
ทฤษฎี Greater Fool เป็นเครื่องเตือนใจว่า การลงทุนที่อาศัยความหวังว่าจะมี “คนโง่กว่า” มาซื้อต่อ อาจนำไปสู่ความเสียหายที่เลี่ยงไม่ได้ การลงทุนที่ดีต้องอิงกับมูลค่าที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่การคาดหวังว่าราคาจะขึ้นไปตลอด
จำไว้ว่า “คนโง่ที่ใหญ่กว่า” อาจมีอยู่เสมอ...แต่ถ้าวันหนึ่งไม่มีใครแล้ว คนสุดท้ายอาจเป็นคุณ!
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
FOREX.com
GO Markets
IC Markets Global
KVB
EC Markets
Pepperstone
FOREX.com
GO Markets
IC Markets Global
KVB
EC Markets
Pepperstone
FOREX.com
GO Markets
IC Markets Global
KVB
EC Markets
Pepperstone
FOREX.com
GO Markets
IC Markets Global
KVB
EC Markets
Pepperstone