简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ผลการศึกษาได้ชี้ชัดว่า อุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น 1 องศา แต่ละครั้งสามารถเชื่อมโยงกับการลดลง 12% ใน GDP โลก นับได้ว่าเป็นมูลค่าที่สูญเสียทางธุรกิจอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
ผลการศึกษาได้ชี้ชัดว่า อุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น 1 องศา แต่ละครั้งสามารถเชื่อมโยงกับการลดลง 12% ใน GDP โลก นับได้ว่าเป็นมูลค่าที่สูญเสียทางธุรกิจอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
ปัญหาโลกร้อน ทะลุพิกัดจนต้องใช้คำว่าโลกเดือด เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก ซึ่งทั่วโลกต่างออกมารับมือกันอย่างหนักหน่วง เพราะหลายประเทศเริ่มได้รับผลกระทบทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจที่โลกเดือดได้ฟาดใส่อย่างแรง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ ได้รายงานใหม่การศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจมหภาคจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ประมาณการว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมากกว่าการประมาณการครั้งก่อนถึงหกเท่า
ผลการศึกษาได้ชี้ชัดว่า อุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น 1 องศา แต่ละครั้งสามารถเชื่อมโยงกับการลดลง 12% ใน GDP โลก นับได้ว่าเป็นมูลค่าที่สูญเสียทางธุรกิจอย่างมหาศาลเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีรายงานของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ (NBER) ระบุว่า ต้นทุนทางสังคมของคาร์บอน อาจอยู่ที่ประมาณ 1,056 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตันของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนมาก ซึ่งอยู่ระหว่าง 51 ถึง 190 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน
สำหรับการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลกในปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 37.55 พันล้านตัน สอดคล้องกับ Statista นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้น 3 องศาภายในสิ้นศตวรรษนี้ เนื่องจากมีการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายงานของ NBER ระบุว่า จะทำให้ ผลผลิตทุน และการบริโภคลดลงอย่างรวดเร็วเกิน 50% ภายในปี 2100
“นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้มีการรายงาน อีกว่า ยังคงมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นบ้าง แต่ภายในสิ้นศตวรรษนี้ ผู้คนอาจจะยากจนลงกว่าที่เคยเป็นถึง 50% หากไม่เป็นเช่นนั้น เพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอผลวิจัย และได้ออกมาเตือนว่า อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้จะนำไปสู่การลดลงอย่างรวดเร็วของผลผลิต ทุน และการบริโภคเกินกว่า 50% ภายในปลายศตวรรษนี้”
จากการที่โลกเดือดมากขึ้นประเทศไทยถือว่ามีความเปราะบางสูงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากไทยเราพึ่งพาภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยวรวมกันประมาณ 25% ของ GDP นั้น เป็นภาคเศรษฐกิจที่มีอ่อน และมีความเสี่ยงต่อผลกระทบจากโลกร้อนเป็นอย่างมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก springnews
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความนี้นำเสนอคำแนะนำสำหรับนักเทรด Forex ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนและสภาพคล่องลดลง ส่งผลให้การเทรดมีความเสี่ยงที่สูงขึ้น แอดเหยี่ยวแนะนำสัญญาณเตือน 3 ประการที่นักเทรดควรระมัดระวัง ได้แก่ ความผันผวนที่อาจสูงหรือต่ำเกินไป ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่อาจกระทบตลาด และความเสี่ยงจากการเทรดเกินตัว (Overtrading) พร้อมทั้งแนะนำวิธีการจัดการความเสี่ยง เช่น การลดขนาดการลงทุน การตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit ให้ชัดเจน และการหยุดพักเมื่อรู้สึกเครียด เพื่อให้การเทรดในช่วงสงกรานต์เป็นไปอย่างปลอดภัยและประสบความสำเร็จ.
บทความนี้กล่าวถึงทางเลือกระหว่าง "เทรด" หรือ "เที่ยว" ของนักเทรดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งแม้ตลาด Forex จะไม่หยุดตามวันหยุดไทย แต่การตัดสินใจว่าจะใช้ช่วงเวลานี้ในการเทรดต่อหรือพักผ่อนก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความพร้อมของแต่ละคน โดยแบ่งออกเป็นสองแนวทางหลักคือ การเทรดต่อเนื่องเพื่อจับโอกาสในตลาดที่เงียบ และการพักเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจและวางแผนระยะยาว บทความเน้นว่าทั้งสองทางเลือกต่างมีข้อดีและข้อควรระวัง พร้อมชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จของนักเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการอยู่หน้าจอตลอดเวลา แต่คือการรู้เท่าทันตัวเองและเลือกทำสิ่งที่สอดคล้องกับเป้าหมายในช่วงเวลานั้นอย่างแท้จริง
บทความนี้นำเสนอเคล็ดลับการจัดการเงิน (Risk Management) สำหรับนักเทรด Forex ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดอาจมีความผันผวนหรือสภาพคล่องลดลงจากวันหยุดในหลายประเทศ ผู้เขียนแนะนำวิธีลดความเสี่ยง เช่น การลดขนาดการลงทุน การตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit อย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการเปิดคำสั่งในช่วงตลาดปิด ใช้เครื่องมือช่วยเทรดอัตโนมัติ ควบคุมอารมณ์การเทรด และไม่ลืมที่จะพักผ่อนอย่างเหมาะสม โดยเน้นความสมดุลระหว่างการเทรดกับการใช้ชีวิต เพื่อให้สามารถรักษาพอร์ตได้มั่นคง พร้อมทั้งมีสุขภาพจิตที่ดีตลอดช่วงเทศกาล.
บทความนี้พาผู้อ่านไปสำรวจความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ ETO Markets ซึ่งแม้จะเริ่มเป็นที่พูดถึงในกลุ่มนักลงทุน แต่กลับมีเสียงสะท้อนด้านลบหลายประเด็น เช่น การใช้งานเว็บไซต์ที่ซับซ้อน ระบบฝาก–ถอนที่ล่าช้า ขาดการสนับสนุนภาษาไทย และค่าบริการที่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง บทความจึงเน้นย้ำให้นักลงทุนตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกใช้โบรกเกอร์ที่ยังไม่มีความมั่นคงเพียงพอ.